สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในจังหวัดเชียงราย

เวลา 09.00 น. วันที่ 26 ก.พ.2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปยังมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2561 โอกาสนี้ ทรงวางพุ่มดอกไม้ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

จากนั้น เสด็จออก ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 2 คน และพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาดุษฎีบัณฑิต มหาบัณฑิต และบัณฑิต โดยปีนี้มีบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ สำเร็จการศึกษาเป็นรุ่นแรกด้วย รวมผู้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร 2,517 คน

โอกาสนี้ พระราชทานพระราโชวาทความว่า "การรู้จักตนเองตามเป็นจริงว่า ตนมีความรู้ ความสามารถและความถนัดในด้านใด มากน้อยเพียงใดนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้คนเราสามารถนำศักยภาพที่มีอยู่ ไปใช้ได้ถูกตรงกับงานหรือกิจการต่าง ๆ ที่ทำ เพื่อให้งานนั้นสำเร็จผลเป็นประโยชน์สูงสุดอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวายศึกษาหา ความรู้เพิ่มเติม ฝึกฝนความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติ และเพิ่มพูนประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถ และความชำนาญจัดเจน ที่ยิ่งสูงขึ้น กว้างขวางขึ้น เป็นประโยชน์ต่องานยิ่ง ๆ ขึ้นไป การรู้จักตนเองดังที่กล่าว เป็นคุณสมบัติสำคัญประการหนึ่ง ซึ่งส่งเสริมให้บุคคลมีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าและผาสุกมั่นคงอย่างแท้จริงได้ บัณฑิตทุกคนจึงควรพิจารณาให้รู้จักตนเองตามเป็นจริง จะได้สามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ตน แก่สังคม และแก่ประเทศชาติได้สืบไป"

เวลา 13.24 น. ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ที่กองบินตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดถวาย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินโครงการตามพระราชดำริ ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบำรุงที่ 112 อำเภอแม่ฟ้าหลวง ตั้งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล เปิดสอนเมื่อปี 2534 รับเด็กจากบ้านโป่งไฮ และใกล้เคียง เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า และลาหู่ สื่อสารโดยใช้ภาษาถิ่น ปัจจุบันมีนักเรียนชั้นอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 รวม 168 คน มีนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ ที่กำลังศึกษา 7 คน นักเรียนมีผลการเรียนในเกณฑ์ปานกลาง จึงจัดตารางสอนเสริม และได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิพุทธรักษา ส่งครูไปช่วยสอนทำให้มีผลการเรียนดีขึ้น

โอกาสนี้ ทอดพระเนตรโครงการตามพระราชดำริ ทั้ง 8 โครงการ ซึ่งอยู่ในแผนพัฒนาฉบับที่ 5 โดยกิจกรรมส่งเสริมวิชาชีพ สอนการทำหมอนใบชา, ตัดเย็บพวงกุญแจเศษผ้า และทำไม้กวาด เป็นการนำวัสดุที่มีมาก และสิ่งเหลือใช้มาสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้, มีการนำสื่อการเรียนการสอนและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เช่น ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ สอนการใช้โปรแกรม microsoft word, โปรแกรมวาดภาพระบายสี และค้นคว้าข้อมูล, ห้องสมุด มีหนังสือพระราชนิพนธ์ หนังสือพระราชทาน หนังสือความรู้วิชาต่าง ๆ และความรู้ทั่วไป เพื่อส่งเสริมการอ่าน พร้อมมีหนังสือฝึกทักษะการเรียนรู้แก่เด็กเล็ก, ส่วนร้านค้าสหกรณ์โรงเรียน จำหน่ายสินค้า และวัสดุการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้เรื่องสหกรณ์, การทำบัญชี รายรับรายจ่าย และการออม, โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มีทั้งเกษตร ปศุสัตว์ และประมง มีแปลงปลูกพืชผัก บำรุงรักษาโดยใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพ เพาะเห็ด, เลี้ยงไก่ไข่ สุกร และปลากินพืช ผลผลิตเพียงพอนำมาประกอบอาหารกลางวัน ควบคู่กับนมถั่วเหลือง ทำให้ร่างกายแข็งแรง