กระแสไพโรคลาสติก
กระแสไพโรคลาสติก พลังทำลายล้างของธรรมชาติ
PLANET EARTH — การปะทุของภูเขาไฟระเบิดที่รุนแรงมากที่สุด พ่นมวลที่เรียกว่าไพโรคลาสติกที่มีเคลื่อนไหวเร็วและมีพลังทำลายล้างอย่างไม่น่าเชื่อ
หากคุณพบไพโรคลาสติก สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือหนีไปในทิศทางตรงกันข้ามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
กระแสไพโรคลาสติกเกิดจากการไหลของเถ้าภูเขาไฟ หินลาวาหินและก๊าซ จากบริเวณฐาน ขึ้นไปใต้ละอองเถ้าถ่าน โดยสามารถมีอุณหภูมิสูงเกิน 1,000 องศาเซลเซียส และเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 700 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยปกติไพโรคลาสติกจะไหลลงเขา ทว่ามันสามารถไหลขึ้นเนินได้ หากอัตราส่วนของก๊าซสูงกว่าเถ้าถ่านจนทำให้เกิดคลื่นไพโรคลาสติก
คลื่นไพโรคลาสติกที่หนาแน่นยังสามารถเคลื่อนที่เหนือน้ำอีกด้วย
กระแสไพโรคลาสติกจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ อาคาร หรือผู้คน
ไพโรคลาสติกแบ่งเป็นสองชนิด ชนิดแรกเมื่อกลุ่มเมฆของเถ้าภูเขาไฟเย็นลง และเถ้าถ่านสะสมหนาแน่นเกินไปที่จะพุ่งขึ้นข้างบน
ชนิดที่สองซึ่งพบได้ยากกว่า เกิดขึ้นเมื่อความดันสะสมภายในภูเขาไฟสูงขึ้นจนระเบิดออกทางด้านข้าง
ตัวอย่างล่าสุดของชนิดนี้ก็คือ เมื่อภูเขาไฟเซนต์เฮเลนในรัฐวอชิงตันปะทุขึ้นในปี 1980
PLANET EARTH — การปะทุของภูเขาไฟระเบิดที่รุนแรงมากที่สุด พ่นมวลที่เรียกว่าไพโรคลาสติกที่มีเคลื่อนไหวเร็วและมีพลังทำลายล้างอย่างไม่น่าเชื่อ
หากคุณพบไพโรคลาสติก สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือหนีไปในทิศทางตรงกันข้ามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
กระแสไพโรคลาสติกเกิดจากการไหลของเถ้าภูเขาไฟ หินลาวาหินและก๊าซ จากบริเวณฐาน ขึ้นไปใต้ละอองเถ้าถ่าน โดยสามารถมีอุณหภูมิสูงเกิน 1,000 องศาเซลเซียส และเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 700 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยปกติไพโรคลาสติกจะไหลลงเขา ทว่ามันสามารถไหลขึ้นเนินได้ หากอัตราส่วนของก๊าซสูงกว่าเถ้าถ่านจนทำให้เกิดคลื่นไพโรคลาสติก
คลื่นไพโรคลาสติกที่หนาแน่นยังสามารถเคลื่อนที่เหนือน้ำอีกด้วย
กระแสไพโรคลาสติกจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ อาคาร หรือผู้คน
ไพโรคลาสติกแบ่งเป็นสองชนิด ชนิดแรกเมื่อกลุ่มเมฆของเถ้าภูเขาไฟเย็นลง และเถ้าถ่านสะสมหนาแน่นเกินไปที่จะพุ่งขึ้นข้างบน
ชนิดที่สองซึ่งพบได้ยากกว่า เกิดขึ้นเมื่อความดันสะสมภายในภูเขาไฟสูงขึ้นจนระเบิดออกทางด้านข้าง
ตัวอย่างล่าสุดของชนิดนี้ก็คือ เมื่อภูเขาไฟเซนต์เฮเลนในรัฐวอชิงตันปะทุขึ้นในปี 1980
Category
🗞
News